เมื่อเป็นคนดีแล้วไร้ที่ยืนในสังคม เอรี่จึงตัดสินใจกลับไปขายบริการอีกครั้งตอนอายุ 39 ปี ทั้งที่เลิกทำอาชีพนี้มาแล้วเกือบสิบปี แต่หลังจากถูกสามีที่คิดจะฝากชีวิตไว้ทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย เธอก็ออกไปหางานสุจริตทำแต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงตัดสินใจไปแสวงโชคที่บาห์เรนตามคำชักชวนของเพื่อนร่วมวงการ แม้จะไม่เคยได้ยินชื่อหรือรู้จักประเทศนี้มาก่อนก็ตาม แต่ในยามที่ชีวิตตกอับจนตรอกเธอก็พร้อมจะไปอย่างไม่ลังเล การคืนสู่อาชีพโสเภณีสำหรับคนอายุย่างสี่สิบจึงไม่ได้รับการต้อนรับขับสู้ที่ดีนัก เธอต้องถูกปฏิเสธจากนายหน้าค้ากามหลายครั้ง แต่เธอก็พยายามดิ้นรนทุกหนทางจนได้ไปขายบริการที่บาห์เรนในที่สุด และบาห์เรนก็ช่วยเผยให้เธอเห็นโลกใบใหม่ในเส้นทางเดิมได้อย่างหนักหน่วง ตั้งแต่การทำงานที่ต้องออกไปหาลูกค้าแข่งกับเพื่อนร่วมอาชีพในชาติอื่นๆ ซึ่งหากใครมัวแต่เหนียมอายก็จะไม่ได้แขก นั่นหมายความว่ารายได้ก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย การแก่งแย่งลูกค้ากันระหว่างเพื่อนร่วมอาชีพจึงถือเป็นศึกหนักด่านแรกที่โสเภณีที่นั่นต้องต่อสู้ฟาดฟันกันให้ได้ หรือการเดินงานในโรงแรม ที่ต้องคอยปักหลักให้บริการแขกอยู่แต่ในโรงแรมที่ทำงานโดยไม่มีโอกาสได้ออกไปเห็นแสงสีสวยงามภายนอกเลยแม้แต่น้อยเพราะต้องหลบซ่อนจากตำรวจ ตลอดจนการเอาตัวรอดจากพวกแขกซาดิสม์ซึ่งแฝงมาในคราบสุภาพชนที่เมื่อเสพสมเสร็จแล้วก็ข่มขู่ทำร้าย พาพวกมารุมโทรม หากใครโชคร้ายก็ถูกฆ่าทิ้งทั้งที่ไม่มีความผิด เพียงแต่อาชีพนี้ทำให้พวกเธอต้องกลายเป็นคนนอก เป็นคนในเงาที่กฎหมายไม่อาจคุ้มครองได้ และอีกสารพัดเรื่องราวที่คนนอกอย่างเราไม่เคยได้ล่วงรู้มาก่อน ประสบการณ์การขายบริการทางเพศที่บาห์เรนจึงผ่านไปอย่างหฤโหดทว่าหรรษาตามแบบฉบับการเล่าเรื่องของเอรี่ ที่จะช่วยเปิดโลกกว้างให้กับคนที่ไม่เคยรู้เรื่องกามโลกีย์ในโลกมืดของวงจรการค้าบริการทางเพศได้รู้ความจริงจากปากของคนที่เคยไปพบเจอมาแล้วอย่างเธอ